กลยุทธ์การเทรดขึ้นอยู่กับอะไร
ระบบการเทรดจะขึ้นอยู่กับแนวคิดการเทรด 3 ข้อต่อไปนี้:
- การวิเคราะห์ความเชื่อมั่น
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค
การวิเคราะห์ความเชื่อมั่นจะพยายามวัดความเชื่อมั่นของเทรดเดอร์ในตลาด เทรดเดอร์ที่เทรดตามความเชื่อมั่นส่วนใหญ่จะพึ่งพาประสบการณ์เทรดที่มีมานาน หรือใช้ “สัญชาตญาณ” พวกเขาบอกว่า “รู้สึก” ได้ถึงการเคลื่อนไหวครั้งถัดไปของตลาด ซึ่งเป็นทักษะที่ได้มาจากการนั่งดูกราฟราคามาเป็นระยะเวลายาวนาน การขาดหลักเกณฑ์การเทรดที่มั่นคงทำให้แนวคิดนี้จำกัดไว้สำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้น ซึ่งวิธีนี้มีความเสี่ยงอย่างมาก และเทรดเดอร์ก็มีแนวโน้มที่จะเสียวินัยในแนวคิดนี้
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานศึกษาปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อราคาของตราสารทางการเงิน ยกตัวอย่างเช่น นโยบายการเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงอาจทำให้ราคาของสกุลเงินที่สอดคล้องกันพุ่งสูงขึ้น ในทางกลับกัน ระบอบการเมืองที่ไม่มั่นคงอาจทำให้ราคาของสกุลเงินที่สอดคล้องกันปรับลง นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะสนใจในมูลค่าที่แท้จริงของตราสาร พูดอีกนัยหนึ่งคือ ระดับราคาที่ควรมีการเทรดตราสารทางการเงินดังกล่าว หากมีการเทรดอยู่ในระดับราคาที่สูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง เช่นนั้นแล้วจะถือว่าราคาสูงเกินจริง หากมีการเทรดอยู่ในระดับราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง เช่นนั้นแล้วจะถือว่าราคาต่ำเกินจริง
การวิเคราะห์แบบที่สามที่มีการใช้ในระบบการเทรดคือการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งเป็นการศึกษาการดำเนินการในตลาดเป็นหลักผ่านกราฟราคา เพื่อให้สามารถระบุถึงเทรนด์ครั้งต่อไปได้โดยเร็วที่สุด การวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถแบ่งได้เป็นสามหลักการด้วยกัน:
- การดำเนินการในตลาดหักลบทุกอย่าง - นี่หมายความว่าข้อมูลทั้งหมด รวมถึงการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้วย จะสะท้อนให้เห็นในกราฟราคา
- ราคาจะขยับตามเทรนด์ - หมายความว่ามีเทรนด์ที่ชัดเจนให้เห็นอยู่ในกราฟ ถึงแม้ว่าตลาดจะพักตัวบ้างในบางครั้งและไม่ขยับตามแนวโน้มเต็ม 100% ในทุกครั้งก็ตาม
- ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย - หมายความว่า รูปแบบกราฟที่ทำได้ดีในอดีต ก็มีแนวโน้มที่จะทำได้ดีไม่แพ้กันในวันนี้และในอนาคต
แล้วแนวใดที่เหมาะสำหรับคุณในระบบการเทรดมากที่สุด? เป็นคำถามที่ตอบได้ง่ายมาก แนวที่คุณใช้แล้วสบายใจมากที่สุดไงล่ะ!